บิสมาร์ค หรือ ชื่อเต็มว่า ออทโท ฟอน บิสมาร์ค (Otto Eduard Leopold von Bismarck-Schönhausen) ผู้ซึ่งเป็นผู้นำทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุด ในยุโรปในช่วงระหว่างทศวรรษ 1860 ถึง 1890 คริสต์ศักราช และได้ดำรตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกแห่งจักรวรรดิเยอรมันในระหว่างปี 1871 ถึง 1890 คริสต์ศักราช จึงไม่น่าแปลใจเลยที่เราจะได้ยินชื่อของเขาผ่านหูกันมาทุกคนถ้าพูดถึงประวัติศาสตร์นั้น
ออทโท ฟอน บิสมาร์ค ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้ที่รวมชาติจักรวรรดิของเยอรมันและนายกเป็นรัฐมนตรีคนแรกแห่งจักรวรรดิ ผู้ที่ทำให้เยอรมันเข้าสู่ความเจริญรุ่งเรื่องในด้านอุตสาหกรรมและทางการทหาร
จนได้กลายเป็นมหาอำนาจใหม่ของยุโรป
บิสมาร์คนับว่าเป็นรัฐบุรุษคนสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ประเทศเยอรมันและยังได้รับถึงการยกย่องจากอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อย่างมากโดยยกให้เป็นความฝันและ ต้นแบบที่ทำให้ตัวอดอล์ฟ ฮิตเลอร์นั้น อยากก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองและได้ ประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับ บิสมาร์ค โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านทักษะในการ พูดและการต่อรองทางการฑูต โดยก่อนเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้ใช้ความสามารถทางการฑูตหลาย ๆ ครั้งเพื่อต่อรองยึดดินแดนมา
โดยก่อนหน้าการรวมชาติของจักรวรรดินั้น เยอรมันประกอบไปด้วยรัฐต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิและยิ่งใหญ่ในปี ค.ศ. 1806 ได้รวมตัวกันอยู่ภายใต้ของสมาพันธรัฐเยอรมนี โดยมีประเทศ ออสเตรียเป็นประธานสมาพันธรัฐนี้และปคว้นปรัสเซียเป็นรองประธานสมาพัน-ธรัฐ ซึ่งทั้งออสเตรียและปรัสเซียนั้นได้พยายามแย่งกันขึ้นเป็นผู้นำและต้องการรวมชาติเยอรมันอยู่ตลอดเวลา ปรัสเซียที่พยายามรวมชาติตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1850 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด
การรวมชาติของจักรวรรดิเยอรมันที่นับว่าประสบความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นภายหลังสงครามระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับปรัสเซีย ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1871 โดยพระเจ้าวิลเฮล์มที่ 1 แห่งปรัสเซียนั้นเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ซึ่งมีออทโท ฟอน บิสมาร์คดำรงอยู่ในตำแหน่งมุขมนตรีแห่งปรัสเซีย นโยบายการรวมชาติของบิสมาร์ค คือ เลือดและเหล็ก โดยเลือดนั้นหมายถึงการมุ่งกระทำสงคราม และ เหล็กที่หมายถึงการมุ่งพัฒนาด้านอุตสหกรรม ซึ่งในช่วงที่มีอำนาจ บิสมาร์คนั้น ไม่ได้มีนโยบายการล่าอาณานิคมในดินแดนทวีปอื่นแต่อย่างใด
บิสมาร์คนั้นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งด้านการทูตและทางการทหารของราชอาณาจักรปรัสเซียในการสงครามจนสามารถชนะฝรั่งเศส รวมถึงการนำราชอาณาจักร ปรัสเซียไปสู่ชนะกับเดนมาร์กในปี ค.ศ. 1864 และรวมถึงสงครามกับออสเตรีย ในปี ค.ศ. 1866
จักรวรรดิเยอรมันได้ถูกก่อตั้งขึ้นในวันที่ 18 มกราคม ปี ค.ศ. 1871 ที่นำโดยปรัสเซียได้ใช้เมืองเบอร์ลินเป็นเมืองหลวงและได้พัฒนาจักรวรรดิอย่างรวดเร็วจนสามารถกลายเป็นมหาอำนาจใหม่ของยุโรป
ต่อมา บิสมาร์คได้เสียชีวิตลงในวันที่ 30 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1898 และต่อมา ในปี ค.ศ. 1914 จักรวรรดิเยอรมันได้ทำสงครามโลกครั้งที่ 1 กับฝรั่งเศส, จักรวรรดิ- อังกฤษ และจักรวรรดิรัสเซีย อย่างไรก็ตามนั้นทางฝ่ายจักรวรรดิ เยอรมันได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ. 1918 ทำให้พระเจ้าวิลเฮล์มที่ 2 แห่งจักรวรรดิเยอรมันยอมที่จะสละราชสมบัติ ในวันเดียวกันนั้น และนั่นจึงเป็นจุดสิ้นสุดของระบอบกษัตริย์ในจักรวรรดิเยอรมัน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับประวัติอันน่าทึ่งของบิสมาร์ค พอได้รู้เรื่องราวของเขาแล้ว ไม่แปลกใจเลยใช่ไหม ทำไมถึงกลายเป็นคนที่ทรงคุณค่าทางประวัติ- ศาสตร์ได้ขนาดนี้ และต่อไปนี้ ทุกคนคงหายสงสัยกันแล้วนะคะ ว่าบิสมาร์คนั้นคือใคร สำคัญอย่างไรในหน้าประวัติศาสตร์
อ่านบทความ มหาตมา คานธี นักสู้เพื่อเสรีภาพ โดยใช้หลัก อหิงสา
อ้างอิง