ประเทศญี่ปุ่น ดินแดนดอกซากุระ ความฝันของใครหลายคนที่อยากบินลัดฟ้าไปเที่ยวประเทศที่มีสถานที่เก่าแก่ให้ชมมากมาย แถมยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ใครจะรู้ว่าก่อนจะมาเป็นปัจจุบันได้ ญี่ปุ่นได้ผ่านช่วงยุคสมัยมานานขนาดไหนและแต่ละช่วงรุ่งเรืองด้านไหนบ้าง วันนี้แอดจึงจะพาเพื่อนๆไปอ่านข้อมูลของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ในแต่ละช่วงแต่ละสมัยว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ศึกษาในแต่ละช่วงยุคสมัย ของดินแดนซารุกะแห่งนี้
ย้อนความไปเมื่อ 100,000 ปีมาแล้ว ประเทศญี่ปุ่น เดิมทีเป็นเพียงหมู่เกาะญี่ปุ่นเท่านั้น ผู้คนได้มาอยู่อาศัยกัน เพราะยังอยู่ในแผ่นดินของทวีปเอเชีย ทำให้เกิดยุคต่างๆมากมาย ทั้งยุคหินเก่า ด้วยการออกล่าสัตว์ป่า ในยุคหินใหม่ ที่เริ่มมีการผลิตเครื่องใช้ โดยทำมาจากหินด้วยฝีมือของมนุษย์นั้นเอง ทำให้เกิดวิวัฒนาการและพัฒนาการเรื่อยมา ทำให้วันนี้แอดจะมาไล่เรียงแต่ละยุคให้เพื่อนๆได้ทราบว่า ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นนั้นมีกี่ยุคกี่สมัยนั้นเอง
ยุคสมัยของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ยุคโบราณ (ก่อนประวัติศาสตร์ – ค.ศ. 250)
จะแบ่งออกเป็น 3 ยุคสมัยด้วยกัน ดังนี้
- ยุคหิน
ในยุคนี้เป็นช่วงที่เริ่มมีผู้คนเข้ามาอาศัยในหมู่เกาะญี่ปุ่นแรกๆ จะเริ่มนับเป็นยุคหิน ด้วยยุคนี้จะเกินการล่าสัตว์และเก็บของป่า เพื่อประทังชีวิตเป็นหลัก
- ยุคโจมง
ในยุคนี้จะเริ่มมีการทำเครื่องปั้นดินเผาเกิดขึ้น เป็นช่วงที่เกิดมา 10,000 ปีที่ผ่านมา โดยการดำรงชีวิตจะเริ่มจากการนำหินมาทำเป็นเครื่องใช้ต่างๆ เริ่มมีการทำธนูเพื่อล่าสัตว์เกิดขึ้นอีกด้วย เอกลักษณ์ของยุคนี้จะดูได้จากตัวเครื่องปั้นดินเผาที่มีเอกลักษณ์ของเชือกที่เป็นลวดลายสวยงามบนเครื่องปั้น ซึ่งในปัจจุบันก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่มาจากยุคนี้ สามารถหาชมกันได้เลย
- ยุคยะโยอิ
ญี่ปุ่นยุคโบราณในยุคยะโยอิ เป็นช่วงในปี 300 ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 250 ซึ่งคำว่ายะโยอิมาจากแขวงหนึ่งในเขตบุงเกียว กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ที่ค้นพบชิ้นส่วนหลักฐานของยุคนี้นั้นเอง เดิมที่ในยุคนี้จะเริ่มทำการเกษตรกันแล้ว ปลูกข้าวไว้กินกัน ด้วยในช่วงนั้นชาวจีนเริ่มอพยพกันมา ทำให้ชาวญี่ปุ่นเริ่มมีความรู้จากการตีเหล็ก โดยใช้เหล็กทำนา ทำดาบในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ และเริ่มมีการแบ่งชนชั้นในการปกครอง
ยุคกลาง (ค.ศ. 250 – 1603)
จะแบ่งออกเป็น 7 ยุคสมัยด้วยกัน ดังนี้
- ยุคโคะฟุง
ด้วยยุคกลางญี่ปุ่นเริ่มมีการปกครองเข้ามา ทำให้ในยุคโคะฟุงมีสถานที่ศูนย์กลางอยู่ที่ราบยะมะโตะ เริ่มมีการถ่ายทอดอารยะธรรมของจีนเข้ามาด้วยการดูดาราศาสตร์ ดูปฏิทิน นำศาสนาพุทธและขงจื้อเข้ามาในญี่ปุ่น เมื่อเมืองเริ่มเจริญรุ่งเรืองด้านการค้าก็เกิดขึ้นกับอาณาบนคาบของเกาหลีมากยิ่งขึ้น และเริ่มมีตัวอักษรเข้ามาจากจีนมาเป็นสื่อกลาง
- ยุคอะซึกะ
ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในยุคอะซึกะ (ค.ศ. 592 – 710) มีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวะนะระ ด้วยยุคกลางทำให้ในยุคอะซึกะมีการปกครองโดยเอาของจีนมาปกครอง โดยญี่ปุ่นส่งคณะราชทูต ไปเจริญไมตรีกับจีนในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 6 ราชวงศ์สุยของจีน นอกจากการปกครองแล้วยังเอาพวกนวัตกรรมของจีนเข้ามาด้วย
- ยุคนะระ
ในยุคนี้เกิดการตั้งเมืองหลวงญี่ปุ่นครั้งแรกที่ “เมืองเฮโจเกียว” เป็นเมืองหลวงโบราณหรือเมืองหลวงในในยุคนะระนั้นเอง ตั้งอยู่ที่จังหวัดนาระ ประเทศญี่ปุ่น อย่างที่ทราบกันดีว่าในยุคกลางนำอารยธรรมมาจากจีน หารออกแบบเมืองหลวงก็เช่นกัน เลียนแบบมาจากเมืองฉางอาน ของประเทศจีน
- ยุคเฮอัง
ในยุคเฮอังเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเพราะเกิดการล่มสลายในยุคนะระ ซึ่งในยุคนี้จะเริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 794 – 1192 มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเกียวโตในปัจจุบันนั้นเอง ในส่วนของอารยธรรมญี่ปุ่นเริ่มเป็นแบบญี่ปุ่นแล้ว นำของจีนออกไปบางส่วน ทำให้ญี่ปุ่นเริ่มมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว แต่ในยุคนี้ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 เกิดการแย่งชิงตำแหน่งการปกครองกันในตระกูล ทำให้ตระกูลฟุจิวะระอยู่อำนาจการปกครองนั้นเอง
- ยุคคะมะกุระ
ในยุคคะมะกุระ เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1192 – 1333 อำนาจการปกครองตกไปอยู่ในตระกูลมินะโมะโตะ อีกทั้งยังเป็นยุคที่ซามูไรญี่ปุ่นเฟื่องฟูอย่างมาก ด้วยการปกครองจะตกอยู่ในตำแหน่งโชกุนและรองลงมาเป็นไดเมียว เมื่อเวลาผ่านไปทำให้การปกครองตกไปอยู่ในตระกูลโฮโจแทนในปี ค.ศ. 1213 และมีการก่อสงครามกันในสมัยราชวงศ์หยวนทางตอนเหนือที่เกาะคิวซู
- ยุคมุโระมะจิ
ในยุคนี้ของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามา ซึ่งประเทศแรกเป็นประเทศโปรตุเกสนั้นเอง ในยุคนี้ทำให้ระบอบการปกครองแบบโชกุนเกิดการเสื่อมลง ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ใช้เวลานานถึง 100 ปีเลย แต่ในส่วนของวัฒนธรรมที่ยังส่งผลถึงปัจจุบัน อาทิ การชงชา การจัดสวนญี่ปุ่น และเริ่มมีศาสนาคริสต์เข้ามา
- ยุคอะซุจิโมโมะยะมะ
ในยุคนี้ก็ยังเกิดสงครามที่มีผลมาจากระบอบของโชกุนเริ่มเสื่อมลง แต่ในส่วนของวิวัฒนาการการพัฒนาในยุคนี้มีการพัฒนาในด้านสิ่งทอ การชงชา ภาพวาดญี่ปุ่น พวกเครื่องเงินเซรามิก
ยุคใหม่ (ค.ศ. 1603 – ปัจจุบัน)
จะแบ่งออกเป็น 2 ยุคสมัยด้วยกัน ดังนี้
- ยุคเอโดะ
ยุคเอโดะ อยู่ในช่วง ค.ศ. 1853 หลังจากที่ได้ทำสงครามกันมาอย่างยาวนาน ในยุคนี้จึงมีการเปลี่ยนเมืองหลวงจากเกียวโตมาเอโดะ หรือกรุงโตเกียวในปัจจุบันนั้นเองในปี ค.ศ. 1603 ทำให้ในยุคนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แม้กระทั่งตระกูลที่ขึ้นปกครองคือตระกูล Tokugawa โดยม IeyasuTokugawa เป็นโชกุนคนแรก ทำให้ในยุคนี้เกิดการวางแผนใหม่ทั้งการเป็นอยู่ สังคม การเมืองนั้นเอง
โดยประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นกล่าวไว้ว่าในช่วงยุคนี้ทำให้คนญี่ปุ่นตอนใต้เกิดการย้ายศาสนาไปคริสต์กันไปเป็นจำนวนมาก และด้วยช่วงนั้นเกิดการปกครองทำให้โชกุนออกคำสั่งไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น นอกจากพ่อค้าชาวเนเธอร์แลนด์เท่านั้น ในสมัยนั้นอยู่ที่เมืองท่าของเมืองนางาซากินั้นเอง และทำให้ญี่ปุ่นเริ่มไม่รับอิทธิพลจากต่างชาติและเริ่มมีอารยธรรมเป็นของตัวเอง
- ยุคเมจิ
ในยุคของเมจิ จะเริ่มต้นเมื่อ ค.ศ. 1853 เป็นยุคที่ชาวต่างชาติเริ่มเข้ามากดดันประเทศญี่ปุ่น ทำให้การปิดประเทศของญี่ปุ่นในยุคเอโดะช่วงปี ค.ศ. 1603 –1868 เป็นเวลาอันยาวนานถึง 265 ปี เริ่มเปิดประเทศอีกครั้ง เนื่องจาก สหรัฐอเมริกาเริ่มเข้ามาทำสัมพันธไมตรีด้วยลงนามในสนธิสัญญาเพื่อผูกสัมพันธไมตรีญี่ปุ่น และในปีเดียวกันญี่ปุ่นก็ได้ทำกับประเทศรัสเซีย อังกฤษ และเนเธอแลนด์ด้วย
เมื่อญี่ปุ่นทำการเปิดประเทศทำให้ระบบการปกครองของตระกูลโตกุกะวะอิทธิพลของโชกุนได้สิ้นอำนาจลง และคืนอำนาจให้กับพระจักรพรรดิ และเมืองหลวงจากชื่อเอโดะก็มาเป็นชื่อโตเกียวนั้นเอง ซึ่งมีความหมายที่ว่า “เมืองหลวงแห่งทิศตะวันออก” และยังมีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ทั้งระบอบการเมือง การใช้ระบบรัฐธรรมนูญ การตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นมา
ดังนั้น ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เริ่มขึ้นจากยุคหินที่คนได้อพยพมาใช้ชีวิตถิ่นฐานในหมู่เกาะญี่ปุ่น เริ่มจากการหาของป่า ล่าสัตว์ เริ่มดำรงชีวิตการปั้นเครื่องปั้นดินเผาเพื่อใช้ของต่างๆ เริ่มมีการอพยพจากคนจีนในแผ่นดินใหญ่เข้ามามีอิทธิพล ทำให้วิวัฒนาการของญี่ปุ่นเปลี่ยนไปทั้งการเมือง ศาสนา เริ่มเข้าสู่ยุคของการปกครองจากตระกูลต่างๆ และสุดท้ายยุคใหม่เริ่มเปิดประเทศอีกครั้งโดยทำการค้ากับชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น เริ่มเปลี่ยนแปลงจากอิทธิพลของโชกุน เข้ามาเป็นระบบจักรพรรดิ มีการเมือง การเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนั้นเอง
ขอบคุณรูปจาก
www.pinterest.com
อ่านต่อที่ ประวัติศาสตร์โลก