เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนแห่งการแสดงความรักของทุกปี หรือ Valentine’s Day ซึ่งผู้คนจะมอบดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต และของขวัญต่าง ๆ ให้กัน เพื่อเป็นการแสดงความรักต่อกัน แต่คุณรู้เหรือไม่ว่าวันวาเลนไทน์ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้ ดังนั้น ในวันนี้เราจะพาคุณไปดู ประวัติ วันวาเลนไทน์ ที่คุณไม่ควรพลาด มาฝากกันค่ะ ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
10 เรื่องน่ารู้ของวันวาเลนไทน์
1.ประวัติวันวาเลนไทน์
ประวัติ วันวาเลนไทน์ เป็นวันที่ระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญเป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้น โรม ต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้ จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด อย่างสิ้นเชิง
แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกที่ขังนักบุญวาเลนไทน์นั้น เขาก็ได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น ประวัติ วันวาเลนไทน์เพื่อเป็นการรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง
2. ความเชื่อวันวาเลนไทน์
ตามความเชื่อในวันวาเลนไทน์ที่มีมาตั้งแต่โบราณ เชื่อว่าถ้าสาวรายใดเห็นนกโรบิน บินผ่านศีรษะตัวเองในวันวาเลนไทน์จะได้แต่งงานกับทหารเรือ และถ้าเห็นนกกระจอกจะได้แต่งงานกับคนจนแต่มีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ตลอดชีวิต และถ้าได้เห็นนกโกลฟินซ์ จะได้แต่งงานกับเศรษฐี นี่เป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น เพราะจริงแล้ว ความรักสามารถเกิดขึ้นได้ทุกคนแล้วแต่โชคชะตานำพา
3. การมอบดอกกุหลาบให้กัน
ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ โดยตำนานกรีกได้กล่าวว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อโดนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือด และน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้ม หรือ ดอกกุหลาบ ที่สื่อความหมายแทนข้อความ และดอกกุหลาบสีแดง หมายถึง ความโรแมนติก อีกด้วย
ความหมายของดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์
– กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา
– กุหลาบขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ ความเงียบสงบ
– กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด
– กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึง ความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข
– กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
– กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น
4. การมอบช็อกโกแลต
เพราะช็อกโกแลตเคยเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ มิตรภาพ รวมทั้ง ช็อกโกแลต สามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์รักได้ช่วยคลายเครียด และทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ได้ด้วย เพราะมีเรื่องเล่าขานกันมาว่า นักรบผู้พิชิตแห่งสเปน มักจะดื่มช็อกโกแลต ก่อนไปหาเหล่าสาวๆ ในฮาเร็มของเขาเพื่อให้ช่วยกระตุ้นอารมณ์รัก
5. ส่งการ์ดให้กัน
การส่งการ์ดที่เขียนด้วยลายมือ และสัญลักษณ์อื่น ๆ ของความเสน่หา คือ ประเพณีที่นิยมทำกันในวันวาเลนไทน์ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งการส่งการ์ดให้กัน นอกจากจะได้บอกความในใจแล้วยังคลาสสิคสุด ๆ อีกด้วยซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีกันส่งให้กันอยู่
6. ทำไมกามเทพถึงเป็นสัญลักษณ์ของความรัก
เทพเจ้าคิวปิด คือเด็กชายที่มีปีกและถือคันศร ที่สามารถบันดาลให้คนตกหลุมรักกันได้ ด้วยการแผงศรประจำตัว เทพเจ้าคิวปิดจึงถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ ก่อนที่เขาจะถูกเรียกว่า กามเทพ ชาวกรีกเรียกชื่อเทพสวรรค์นี้ว่า Eros ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก ตามตำนานเทพเจ้ากรีกกามเทพมีลูกศรอยู่ 2 แบบที่ทำให้มนุษย์ตกหลุมรัก และเกลียดกัน ส่วนในตำนานของโรมันกามเทพเป็นบุตรชายของเทพวีนัส ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งความรัก ทั้งนี้ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาศิลปินวาดกามเทพเป็นพุตโต เทวดาเด็กกึ่งเปลือยกาย จากนั้นมาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ยอดนิยมในวาเลนไทน์นั่นเอง
7. วาเลนไทน์ไม่ได้หมายถึงคู่รักเท่านั้น
วันวาเลนไทน์สามารถแสดงความรักได้กับทุกคน วันนี้ยังเปิดโอกาสให้เราแสดงความรักกับเพื่อนร่วมโลกทั้งคนที่ด้อยโอกาส สัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ซึ่งพลังของความรักไม่ได้จำเพาะอยู่แค่คู่รักของเราเท่านั้น
8. ความแตกต่างของวันวาเลนไทน์ในประเทศญี่ปุ่น
ในวันวาเลนไทน์สำหรับญี่ปุ่น ภรรยาจะเป็นผู้ให้ และสามีเป็นผู้รับ และในวันที่ 1 มีนาคม ชาวญี่ปุ่นก็จะเฉลิมฉลองในวัน ‘White Day’ คือเป็นการตอบรับของฝ่ายชายที่ได้รับจากฝ่ายหญิงเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
9. เกาหลีใต้มีวันแห่งความรักมากที่สุดในโลก
ประเทศเกาหลีใต้มีวันแห่งความรัก ในเดือนกุมภาพันธ์ หญิงสาวจะมอบขนมหวานให้กับผู้ชาย พอถึงเดือนมีนาคม ผู้ชายต้องมอบของขวัญให้กับผู้หญิงตอบแทน ส่วนเดือนเมษายน เหล่าคนโสดที่ไม่ได้รับของขวัญวันวาเลนไทน์จะมารวมตัวกันกินจาจังมยอน หรือบะหมี่ราดซอสดำเพื่อปลอบใจตัวเอง
10. ความรักแบบเดนมาร์ก
สำหรับเดนมาร์กหนุ่มๆ มักจะส่งการ์ดไปหาคนที่เขารักในวันนี้ แต่ไม่มีการลงชื่อท้ายการ์ด แต่ใช้จุดแทนการลงชื่อ ซึ่งหนึ่งจุด จะแทนตัวอักษรชื่อของเขา หนึ่งตัวอักษร หากสาวคนนั้นทายชื่อถูก เขาก็จะได้รับไข่อีสเตอร์ เป็นรางวัล ที่ทำให้น่ารักแบบเบา ๆ และอบอุ่นหัวใจ
ทั้งหมดเป็น 10 เรื่องน่ารู้ของวันวาเลนไทน์และประวัติ วันวาเลนไทน์ ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คน อาจจะไม่เคยรู้ ซึ่งแต่ละเรื่องก็ทำให้เราเข้าใจวันวาเลนไทน์มากขึ้น และทำให้รู้ว่าแต่ละประเทศก็มีกิจกรรมที่ทำในวันวาเลนไทน์ที่แตกต่างกันอีกด้วย ทั้งนี้ใกล้ถึงวันวาเลนไทน์แล้ว ก็อย่าลืมแสดงความรักต่อกัน หรือมอบของขวัญให้กับคนพิเศษของคุณ เพื่อเพิ่มพลังของความสุขให้กัน และกันด้วยนะ
อ่านบทความ อาณาจักร ตามพรลิงค์ เมืองโบราณ แดนใต้