หนึ่งในเมืองที่แสนงดงามดังภาพในฝัน ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งจะพบกับเหตุการณ์ที่พรากชีวิตอันแสนสุข ของชาวเมืองไปได้ง่าย ๆ ปอมเปอี ที่ผู้คนทั่วโลกต่างขนานนามว่าเป็น ดินแดนอันศิวิไลซ์ ในประเทศ อิตาลี ที่ตอนนี้ได้ถูกฝังไว้ใต้เถ้าถ่านและซากหินลาวาจากภูเขาไฟวิสุเวียส เนื่องในเหตุการณ์ภูเขาไฟ ระเบิดครั้งใหญ่ ในปี ค.ศ. 79 ทำให้เมืองแสนงดงาม ปอมเปอี นี้จมหายไปในพริบตา
ความเป็นมาของ ปอมเปอี
เมืองที่ชื่อว่า ปอมเปอี นี้เป็นหนึ่งในนครโรมันโบราณที่กำเนิดขึ้นช่วง 700 ปี ก่อนคริสตกาล ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองที่มีชื่อเสียงอย่าง เนเปิลส์ ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี โดยในอดีต ปออมเปอี เคยเป็นเมืองตากอากาศอันยอดนิยมของชาวโรมัน โดยว่ากันว่า ในยุคนั้น เมืองปอมเปอี นับเป็นดินแดนที่ศิวิไลซ์ มีทำเลที่ดีเอื้อเฟื้อต่อการทำการค้าและการเกษตร เพราะได้แร่ธาตุ อันอุดมสมบูรณ์มาจากภูเขาไฟ เพราะเป็นเมืองที่ติดชายทะเล โดยผู้ที่มีฐานะ ร่ำรวยมักนิยมสร้างบ้านพักตากอากาศของตัวเองไว้ที่นี่ เพื่อเข้ามาพักผ่อนในช่วงของฤดูร้อน
แต่แม้จะเป็นเมืองตากอากาศของใครหลาย ๆ คน แต่ปอมเปอีก็ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟวิสุเวียสเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น จึงทำให้มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่มาเนือง ๆ และได้เกิดแผ่นดินไหวครั้ง สำคัญเลยก็คือเมื่อปี ค.ศ. 62 ที่ทำให้เมืองปอมเปอี เสียหายจนต้องใช้เวลาฟื้นฟูมากกว่า 10 ปี
ปอมเปอี ที่หายไป
แต่แล้วปอมเปอี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปี ค.ศ. 79 ที่ภูเขาไฟวิสุเวียสได้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง กว่าครั้งไหน ๆ ได้ปล่อยหินลาวาและเถ้าถ่านภูเขาไฟออกที่มากว่า 1.5 ล้านตันในทุกวินาที แถมการระเบิดครั้งนี้ยังกินเวลายาวนานหลายวัน ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง ณ ตอนนั้น ถูกลาวา เถ้าถ่านจากภูเขาไฟฝังกลบและเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าสลด โดยมีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า 16,000 คน พร้อมกับเมืองปอมเปอี ที่ล่มสลายภายใต้เถ้าถ่านหนาทึบที่ฝังเมืองทั้งเมืองไป ก่อนที่หลังจากนั้น ในช่วงเวลาประมาณ 1,500 ปี ต่อมา ปอมเปอีก็ถูกค้นพบอีกครั้งระหว่างขุดอุโมงค์ใต้ดิน และมีการ พบชิ้นส่วนของมนุษย์ในโพรงภายใต้ขี้เถ้าภูเขาไฟ เมื่อคณะสำรวจได้ลองเจาะรูเล็ก ๆ แล้วหยอด ปูนปลาสเตอร์ลงไปในโพรงนั้น เมื่อปูนแห้งก็ได้กลายเป็นรูปร่างมนุษย์ที่เสียชีวิตในอิริยาบถต่าง ๆ ที่ให้รู้ได้เลยว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต ซึ่งภาพที่เห็นนี้คือสิ่งที่สร้าง ความเศร้าสลดใจให้กับผู้มาเยือนได้อย่างที่สุด
ในปี ค.ศ. 1748 นั้นตระกูลบูร์บง เชื้อสายของราชวงศ์บูร์บง ที่ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ปกครอง รัฐเนเปิลส์ในอิตาลี ช่วงระหว่าง ค.ศ.1734 – 1861 ได้สนใจที่อยากจะค้นหาเมืองปอมเปอี ขึ้นมา พวกเขาจึงใช้เงินจำนวนมากจ้างคนงานไปขุดเมืองโดยการขุดให้เป็นอุโมงค์เข้าไปจนพบซากเมือง
จากนั้นจึงสั่งให้ได้นำสิ่งของมีค่าออกมา และเก็บรวบรวมเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของตระกูลบูร์บง
ในปี ค.ศ. 1861 รัฐต่าง ๆ ในพื้นที่อิตาลีได้รวมกันเข้าเป็นประเทศเดียวกัน ส่งผลให้ตะกูลบูร์บงนั้น ล่มสลาย ชาวอิตาลีจึงให้ความสนใจกับการที่จะขุดเมืองปอมเปอี กันมากขึ้น จูเซปเป ฟีออเรลลี ที่ได้เป็นหัวหน้าคณะนักโบราณคดีตอนนั้น เขาได้คิดวิธีอันน่าทึ่งแกมสยองในการใช้ขุดซากปอมเปอี โดยเฉพาะการกาและเก็บข้อมูลผู้ประสบภัยที่ถูกลาวาทับ และร่างกายที่ได้เน่าสลายไปตามกาลเวลา และเหลือเพียงกระดูก โพรงอากาศต่าง ๆ ที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ในอิริยาบถต่าง ๆ นี้ จูเซปเปได้เจาะรูเล็ก ๆ และทำการ “กรอก” ปูนปลาสเตอร์ลงไปจนเต็มโพรงร่างของมนุษย์ หลังจากนั้นก็แค่รอให้แห้งแล้วจึงขุดขึ้นมา ทำให้เราได้เห็นถึงท่าทางสุดท้ายของชาวเมืองปอมเปอี หลายคนก่อนที่จะพบกับตาย ที่เป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิตเขา
ความสำคัญของปอมเปอี ในปัจจุบัน
ปัจจุบัน หลังจากที่เมืองปอมเปอี ได้ขุดค้นพบจนเป็นรูปเป็นร่างอย่างน่าทึงต่อสายตาชาวโลก แล้วนั้น ทำให้เมืองปอมเปอี ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและผู้คนจากทั่วสารทิศ จากทั่วโลกมาเยี่ยมเยียนกันอย่างไม่ขาดสาย โดยจำนวนคนที่เก็บบันทึกได้มีกว่า 2 ล้านคนต่อปี และการมาเยือนเมืองปอมเปอี นี้เองนักท่องเที่ยวยังสามารถที่จะเดินชมความงามของเมืองได้อย่าง อิสระไปตามถนนที่ชาวปอมเปอีเคยอาศัยและใช้สัญจรไปมาได้ตามใจเลยด้วย ซึ่งสเน่ห์ของเมืองนี้ คงเป็นซากชาวนครปอมเปอี ที่อยู่ในลักษณะอิริยาบถต่าง ๆ ที่คงค้างอยู่แบบนั้น กับสภาพของเมือง ที่มีรายละเอียดมากมาย ไม่ใช่เหลือแต่เสาโด่เด่ ตลอดจนบรรดาสรรพสิ่งของเครื่องใช้ที่ครบสมบูรณ์ จากการค้นพบเหล่านี้ล้วนหาไม่ได้ในเมืองโบราณอื่น ๆ ที่มาจากการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา จึงทำให้มีความน่าทึ่ง อาจจะขนลุกนิด ๆ เวลาเที่ยวชมเลยก็ได้
และนี่ก็คือเรื่องราวของ ปอมเปอี เมืองปริศนาแสนงดงามและรุ่งเรือง ที่ได้ถูกลาวาจากภูเขาไฟกลืนกิน
จนเป็นหนึ่งเมืองในประวัติศาสตร์ที่มีเรื่องราวน่าเศร้าปนขนลุกที่สุด เมืองหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งทั้งนี้ก็ยังเต็มไปด้วยความน่าค้นหา ที่หลาย ๆ คนถึงกับเอ่ยปากว่า เป็นเมืองที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้ สักครั้งก่อนตาย กันเลยทีเดียว
แหล่งที่มา :
อ่านต่อที่ ประวัติศาสตร์อยุธยา กับข้อมูลที่เข้าใจได้ง่าย อ่านสบายและได้ความรู้
