
เราอาจจะคุ้นเคยชื่อ “โฮจิมินห์” ว่าเป็นชื่อเมืองๆ หนึ่งในเวียดนาม แต่จริงๆแล้วชื่อนี้มีที่มาจากบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง ผู้มีนามว่าโฮจิมินห์ หรือที่มีความหมายอีกความหมายหนึ่งว่า ผู้ส่องแสงสว่าง เหตุผลที่ชาวเวียดนามยกย่องบุคคลคนนี้ ก็เป็นเพราะว่าเขาคือนักปฏิวัติ ที่ทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่ก้าวสู่ความเป็นเอกราช ถือว่าเป็นผู้นำในการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนาม
กว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จ และนำพาไปให้เวียดนามให้เป็นอิสระได้ ต้องเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมมากมาย มาเรียนรู้ความสำเร็จของเขากันได้เลย

ชีวิตวัยเด็กโฮจิมินห์
วัยเด็กของโฮจิมินห์ได้เรียนอักษรจีนและคำสอนขงจื้อ และต่อมาได้ย้ายตามบิดาไปที่เมืองเว้ เนื่องจากบิดาต้องไปรับราชการที่เมืองนั้น ซึ่งในขณะนั้นเมืองเว้คือเมืองหลวง ทำให้โฮจิมินห์ได้มีโอกาสเรียนหนังสือแบบสมัยใหม่ตามแบบชาวตะวันตก
โฮจิมินห์ มีชื่อเดิมว่า เหงียน ซิญ กุง เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 จังหวัดเหงะอาน ตอนบนของเวียดนาม ซึ่ง ณ เวลานั้นประเทศเวียดนามตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ทำให้เขาอยู่ในช่วงเวลาที่เห็นชาวฝรั่งเศสกดขี่ชาวเวียดนามมาโดยตลอด ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้โฮจิมินห์คิดถึงการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าช่วงเริ่มแรกจะทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ล่ามภาษาฝรั่งเศส เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ถูกกดขี่จากชาวฝรั่งเศสเท่านั้น และเขารู้ว่าตัวเองต้องได้รับการศึกษาที่มากขึ้นจึงจะทำให้ความตั้งใจนี้สำเร็จได้

เมื่ออายุได้ครบ 21 ปี โฮจิมินห์จึงตัดสินใจออกเดินทางไปท่องโลกกว้าง และเปิดโลกทัศน์ด้วยการเดินทางไปที่ฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก โดยการไปทำงานในครัวบนเรือเดินสมุทร และไปศึกษาต่อที่นั่นด้วยในเวลาเดียวกัน และถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้เขาเริ่มติดต่อกับชาวเวียดนามในฝรั่งเศส เพื่อที่จะรวมตัวกัน และเรียกร้องอิสรภาพให้กับประเทศบ้านเกิด
การต่อสู้ของโฮจิมินห์
โฮจิมินห์ เป็นคนที่มีอุดมการณ์ยิ่งใหญ่ และตั้งใจที่จะปลดปล่อยประเทศเวียดนามให้เป็นอิสรภาพ ด้วยการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมอย่างหนักมาโดยตลอด และมีครั้งหนึ่งที่ในยุคของรัฐบาลเจียงไคเช็ค มีการปราบปรามการต่อต้านที่หนักขึ้น ทำให้เขาต้องหนีเข้ามาหลบที่จังหวัดนครพนมในประเทศไทย โดยได้บวชเป็นพระภิกษุ และอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 7 ปี ประเทศไทย ซึ่งการมาของโฮจิมินห์ก็มาพร้อมกับแนวคิดสังคมนิยม ที่เผยแพร่ให้กับชาวไทยในขณะนั้นเช่นเดียวกัน
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2484 เขาได้เดินทางกลับเวียดนามอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นฝรั่งเศสถูกเยอรมันยึดครอง โฮจิมินห์เห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะต่อสู้อีกครั้ง เขาได้รวบรวมชาวเวียดนามซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านระดับล่างที่ยังไม่มีการศึกษา อดอยาก ยากจน แต่ด้วยการบอกแบบปากต่อปาก ทำให้จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้กลุ่มกองกำลังนี้เข้มแข็งมากขึ้น รวมไปถึงการวางแผนที่จะประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสให้กับประชาชนชาวเวียดนามด้วย
ในช่วงปลายของสงคราม โฮจิมินห์ได้ติดต่อสำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เพื่อขอความร่วมมือในการต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งการร่วมมือกันนี้เป็นที่มาสู่ชัยชนะในเวลาต่อมา
ในปี พ.ศ. 2488 โฮจิมินห์ประกาศจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม หลังจากจักรพรรดิเวียดนามพระองค์สุดท้ายประกาศสละราชสมบัติ และต่อมาในปี พ.ศ. 2497 เวียดนามก็ได้ประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นช่วงที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในยุทธการที่เดียนเบียนฟู
โฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราชต่อหน้าชาวเวียดนามห้าแสนคน ซึ่งเป็นการประกาศว่าจะไม่ขอเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสอีกต่อไป และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม พร้อมนั่งดำรงตำแหน่งประธานประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ

บั้นปลายชีวิตของโฮจิมินห์
โฮจิมินห์ป่วยด้วยโรคหัวใจ และพักอาศัยในฮานอยจนเสียชีวิตในวัย 79 ปี เขาได้จากโลกนี้ไปด้วยอาการโรคหัวใจล้มเหลว ทั้งนี้ ร่างของโฮจิมินห์ยังถูกเก็บรักษาไว้ในโลงแก้วตั้งไว้ที่จตุรัสบาดิงห์ ซึ่งเป็นจุดที่เขาเคยประกาศอิสรภาพไว้นั่นเอง
นับว่าโฮจิมินห์ เป็นบุคคลสำคัญของเวียดนามที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และเป็นสิ่งดีที่เราจะได้เรียนรู้ประสบการณ์จากบุคคลสำคัญท่านนี้
อ่านบทความ มหาตมา คานธี นักสู้เพื่อเสรีภาพ โดยใช้หลัก อหิงสา
อ้างอิง